
5 เหตุผลว่าทำไมต้อง โรงงานพิมพ์ผ้า IMP Design
June 5, 2025เจาะลึกเทคนิคการพิมพ์ผ้าสุดฮิต: ค้นพบวิธีสร้างสรรค์ออกแบบลายผ้าในยุคปัจจุบัน!
เหตุผลที่ควรเลือกใช้โรงงานพิมพ์ผ้า IMP Design
วันนี้ น้องอิ๊มพ์ จะชวนเพื่อนๆคุยเรื่อง "เทคนิคการพิมพ์ผ้า" ถือเป็นหัวใจสำคัญในการสร้างสรรค์ลวดลาย ดีไซน์ และเอกลักษณ์ให้กับผืนผ้าแต่ละชิ้น ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้าแฟชั่น, ของตกแต่งบ้าน, หรือสินค้าพรีเมียมต่างๆ การเลือกเทคนิคการพิมพ์ที่เหมาะสม ไม่เพียงส่งผลต่อคุณภาพและความสวยงามของผลงานเท่านั้น แต่ยังรวมถึงต้นทุนและระยะเวลาในการผลิตอีกด้วยนะคะ
โดย IMP Design ในฐานะโรงงานพิมพ์ผ้า เราเข้าใจดีว่าการเข้าถึงข้อมูลที่ถูกต้องและครบถ้วนเป็นสิ่งสำคัญ วันนี้เราจะพาคุณไปเจาะลึกเทคนิคการพิมพ์ผ้าที่เป็นที่นิยมในปัจจุบัน ทั้งแบบดั้งเดิมและแบบสมัยใหม่ พร้อมอธิบายรายละเอียด ข้อดี-ข้อจำกัด และความเหมาะสมในการใช้งาน เพื่อให้คุณสามารถเลือกเทคนิคที่ใช่สำหรับโปรเจกต์ของคุณได้อย่างมั่นใจ
- การพิมพ์ผ้าด้วยระบบ DTG: Direct-to-Garment
การพิมพ์แบบ DTG หรือ Direct to Garment คือเทคนิคการพิมพ์โดยตรงลงบนผืนผ้าด้วยเครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ตสำหรับผ้าโดยเฉพาะ แต่ใช้ หมึกพิมพ์ผ้าชนิดพิเศษ ซึ่งวันนี้จะขอยกแค่ 2 ชนิดหลักๆคือ
- พิมพ์ DTG ด้วยหมึก Pigment (Pigment Ink)
ลักษณะ: เป็นหมึกพิมพ์ประเภทเม็ดสีที่ยึดเกาะอยู่บนพื้นผิวผ้าหลังจากการอบแห้งและทำให้คงที่ด้วยความร้อน
- จุดเด่น:
- พิมพ์ได้หลากหลายวัสดุ: สามารถพิมพ์ได้ดีบนผ้าใยธรรมชาติอย่าง ผ้าคอตตอน 100% พิมพ์ลงวัสดุธรรมชาติ อย่างแผ่นไม้ได้
- สีสันสดใส: ให้สีที่ชัดเจนและสดใส
- เหมาะสำหรับงานจำนวนน้อย: คุ้มค่าสำหรับการพิมพ์จำนวนน้อย (No Minimum Order) หรือการพิมพ์ตัวอย่าง (Sampling)
- จุดเด่น:
- พิมพ์ DTG ด้วยหมึก Pigment (Pigment Ink)
-
-
- ข้อจำกัด:
- สัมผัสอาจมีความแข็งกระด้างที่เพิ่มขึ้น : โดยเฉพาะบนผ้าสีเข้มที่ต้องมีการรองพื้นด้วยหมึกหนักๆ
- ความทนทานต่อการซักในระดับ ปานกลาง อาจมีการซีดจางเล็กน้อยเมื่อผ่านการซักหลายครั้ง
- ข้อจำกัด:
- DTG ด้วยหมึก Reactive (Reactive Ink)
ลักษณะ: เป็นหมึกพิมพ์ที่ทำปฏิกิริยากับเส้นใยผ้า ทำให้หมึกซึมลึกและรวมเป็นเนื้อเดียวกับเส้นใยอย่างแท้จริง แต่ต้องมีการเตรียมผ้าก่อนพิมพ์และการล้างหลังพิมพ์ที่ซับซ้อนกว่า
- จุดเด่น:
- สีสันคมชัด สดใสสูงสุด: ให้สีที่คมชัด ความสดใสสูงสุด และความลึกของสีที่ยอดเยี่ยม
- สัมผัสเดียวกับเนื้อผ้า: ลายพิมพ์จะซึมซับเข้าไปในเส้นใยอย่างสมบูรณ์ ทำให้ผ้ายังคงความนุ่มนวลและระบายอากาศได้ดีเยี่ยม ไม่มีสัมผัสของหมึกพิมพ์เลย
- ทนทานต่อการซักสูงมาก: สีไม่ซีดจาง ไม่หลุดลอก หรือแตกง่าย แม้ผ่านการซักล้างหลายครั้ง
- เหมาะกับผ้าใยธรรมชาติ: ให้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดบน ผ้าคอตตอน, ลินิน, ไหม (Silk) หรือผ้าใยธรรมชาติ 100%
- ข้อจำกัด:
- กระบวนการซับซ้อน: ต้องมีการเตรียมผ้าด้วยสารเคมีก่อนพิมพ์ (Pre-treatment) และกระบวนการหลังพิมพ์ เช่น การนึ่ง (Steaming) และการล้าง (Washing) เพื่อล้างหมึกส่วนเกินและทำให้สีติดแน่น ซึ่งใช้เวลาและต้นทุนสูงกว่า
- ไม่เหมาะกับผ้าใยสังเคราะห์: ไม่สามารถใช้กับผ้าโพลีเอสเตอร์ได้
- จุดเด่น:
-
- การพิมพ์ซับลิเมชั่น (Sublimation Printing)
เป็นหนึ่งในเทคนิคการพิมพ์ที่นิยม และแพร่หลายมากที่สุดในปัจจุบัน ด้วยที่ราคาไม่สูง และการสั่งขั้นต่ำเริ่มต้นไม่สูง เลยทำให้เป็นที่นิยม
โดยการพิมพ์ซับลิเมชั่นนี้ จะเป็นการพิมพ์ลงบนกระดาษสำหรับงานพิมพ์ซับลิเมชั่นโดยเฉพาะ และนำไปรีดร้อน โดยหมึกที่ใช้พิมพ์ก็เป็น หมึกซับลิเมชั่น (Dye-Sublimation Ink) ซึ่งเป็นหมึกพิเศษที่ผลิตมาเพื่อให้สามารถระเหิด (sublimate) กลายเป็นไอเมื่อได้รับความร้อนสูง แล้วแทรกซึมเข้าไปในโครงสร้างของเส้นใยโพลีเอสเตอร์
- จุดเด่น:
- สีสันสดใส คมชัด ไม่ซีดจาง: ลายพิมพ์มีความทนทานสูง สีไม่ซีดจาง ไม่หลุดลอก ไม่แตก แม้ผ่านการซักล้างหลายครั้ง
- สัมผัสเดียวกับเนื้อผ้า: ลายพิมพ์จะซึมซับไปในเนื้อผ้าทั้งหมด ทำให้ไม่มีสัมผัสของหมึกพิมพ์เลย ผ้านุ่มนวล ระบายอากาศได้ดี
- พิมพ์ได้เต็มพื้นที่ (All-Over Print): สามารถพิมพ์ได้ทั้งชิ้นผ้า ก่อนนำไปตัดเย็บเป็นเสื้อผ้าหรือผลิตภัณฑ์อื่นๆ
- เหมาะกับผ้าใยสังเคราะห์: ให้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดบน ผ้าโพลีเอสเตอร์ 100% หรือผ้าที่มีส่วนผสมของโพลีเอสเตอร์สูง เช่น ผ้ากีฬา ผ้าไมโครไฟเบอร์
- ข้อจำกัด:
- จำกัดเฉพาะผ้าใยสังเคราะห์: ไม่สามารถพิมพ์บนผ้าคอตตอน 100% ได้ เพราะหมึกจะไม่ซึมซับเข้าเส้นใยธรรมชาติ
- ไม่เหมาะกับผ้าสีเข้ม: หมึกซับลิเมชั่นจะซึมเข้าไปในเส้นใย ทำให้สีผ้าเดิมส่งผลต่อสีของลายพิมพ์ หากพิมพ์บนผ้าสีเข้ม ลายพิมพ์จะจมหายไป (ยกเว้นพิมพ์บนผ้าโพลีเอสเตอร์สีอ่อนเท่านั้น)
- จุดเด่น:
- ระบบ DFT (Digital Film Transfer) หรือ DTF (Direct to Film)
เป็นการพิมพ์ลายลงบนแผ่นฟิล์มชนิดพิเศษด้วยหมึกพิมพ์ Pigment ประเภทพิเศษ ที่ออกแบบมาโดยเฉพาะสำหรับพิมพ์ลงบนฟิล์ม จากนั้นโรยผงกาวลงบนฟิล์มที่มีลวดลาย แล้วนำไปอบให้กาวละลายติดกับหมึก เมื่อฟิล์มเย็นตัวลง ให้นำแผ่นฟิล์มนี้ไปวางบนผ้าและรีดร้อนด้วยเครื่องรีดความร้อน ทำให้ลายพิมพ์จากฟิล์มย้ายไปติดบนผ้า ตัวฟิล์มสามารถเก็บไว้ใช้ในภายหลังได้
- จุดเด่น:
- พิมพ์ได้บนผ้าทุกชนิด ทุกสี: ไม่ว่าจะเป็น คอตตอน, โพลีเอสเตอร์, ผ้าผสม, ไนลอน, หนัง หรือสีผ้าเข้ม-อ่อน ก็สามารถพิมพ์ได้หมด
- สีสันสดใส คมชัด: ให้งานพิมพ์ที่มีสีสันสดใส เก็บรายละเอียดได้ดี
- ผลิตง่าย สะดวก: ไม่ต้องเตรียมบล็อกสกรีน ทำให้กระบวนการผลิตรวดเร็ว
- ข้อจำกัด:
- สัมผัสคล้ายสกรีนยาง: ลายพิมพ์จะมีสัมผัสคล้ายกับงานสกรีนแบบสียาง คือจะมีความนูนเล็กน้อยบนเนื้อผ้า
- ความสามารถในการระบายอากาศ: บริเวณลายพิมพ์อาจระบายอากาศได้ไม่เท่าเนื้อผ้าโดยตรง เนื่องจากมีชั้นกาวและหมึกเคลือบอยู่
- จุดเด่น:
- ระบบซิลค์สกรีน (Silk Screen Printing)
เป็นเทคนิคการพิมพ์แบบดั้งเดิมที่ใช้ปาดสีผ่านบล๊อกผ้าไหม จึงกลายเป็นคำเรียกว่า Silk Screen นั่นเอง โดยในปัจจุบันก็ไม่ได้มีแค่ผ้าไหมในการนำมาทำบล๊อกสกรีนแล้ว มีผ้าโพลีเอสเตอร์ที่ทนทานกว่าผ้าไหม และมีเนื้อผ้าหลายความละเอียดให้เลือกใช้มากมาย
ในการถ่ายทอดลวดลายลงบนผืนผ้า ก็ทำได้โดยการสร้างลายบนบล๊อกผ้า จากนั้นก็ใช้ไม้ยางปาดสีผ่านบล็อกสกรีนลงบนเนื้อผ้าเท่านั้นเอง
หมึกที่ใช้กับ งานซิลค์สกรีน มีความหลากหลายมาก ขึ้นอยู่กับประเภทของผ้าและลักษณะงานที่ต้องการ เช่น
-
- หมึกพิมพ์พลาสติซอล (Plastisol Ink): เป็นหมึกที่นิยมใช้มากที่สุด ให้สีสด ทึบแสง ยืดหยุ่น ทนทาน และมีสัมผัสเป็นยาง มักใช้กับผ้าคอตตอนและผ้าผสม
- หมึกเชื้อน้ำ (Water-Based Ink): ให้สัมผัสที่นุ่มนวล ซึมลงไปในเนื้อผ้าได้ดี ระบายอากาศได้ มักใช้กับผ้าใยธรรมชาติ
- หมึกพิมพ์ยาง (Rubber Ink): ให้ความนูนและสัมผัสที่เป็นยาง มักใช้เพื่อสร้างเอฟเฟกต์พิเศษ
นอกจากนี้ยังมีหมึกพิเศษอื่นๆ เช่น หมึกนูน (Puff Ink), หมึกเรืองแสง (Glow-in-the-dark Ink), หมึกสะท้อนแสง (Reflective Ink) เป็นต้น
- หมึกพิมพ์พลาสติซอล (Plastisol Ink): เป็นหมึกที่นิยมใช้มากที่สุด ให้สีสด ทึบแสง ยืดหยุ่น ทนทาน และมีสัมผัสเป็นยาง มักใช้กับผ้าคอตตอนและผ้าผสม
- จุดเด่น:
- ต้นทุนต่ำสำหรับการผลิตจำนวนมาก: ยิ่งพิมพ์มาก ราคาต่อชิ้นยิ่งถูกลงอย่างเห็นได้ชัด ทำให้คุ้มค่าสำหรับงานปริมาณมาก
- สีสันสดและทึบ: ให้สีที่ชัดเจนและทึบแสง เหมาะสำหรับงานที่ต้องการสีที่โดดเด่นและมีมิติ
- ความทนทานสูง: หมึกพิมพ์มีความยึดเกาะกับเนื้อผ้าได้ดี ทนทานต่อการซักล้างและการใช้งาน
- ความหลากหลายของหมึกและเอฟเฟกต์: สามารถใช้หมึกได้หลายประเภทเพื่อสร้างเอฟเฟกต์พิเศษที่หลากหลาย
- เหมาะกับงานกราฟิกที่สีไม่ซับซ้อน: เหมาะกับลายพิมพ์ที่มีจำนวนสีไม่มากนัก และไม่มีรายละเอียดปลีกย่อยที่ซับซ้อนมาก
- ข้อจำกัด:
- ไม่เหมาะกับงานจำนวนน้อย: มีต้นทุนในการทำบล็อกสกรีน ทำให้ไม่คุ้มค่าหากพิมพ์จำนวนน้อย
- ข้อจำกัดด้านจำนวนสีและรายละเอียด: แต่ละสีต้องทำบล็อกแยก ทำให้มีข้อจำกัดด้านจำนวนสีในลายพิมพ์ และไม่เหมาะกับการพิมพ์ภาพถ่ายหรือลายที่มีการไล่เฉดสีที่ซับซ้อน
- ใช้เวลานานในการเตรียมบล็อก: กระบวนการเตรียมบล็อกสกรีนค่อนข้างใช้เวลา
-
- การพิมพ์สกรีนระบบโรตารี่ (Rotary Screen Printing)
เป็นการพิมพ์สกรีนรูปแบบหนึ่งที่ใช้บล็อกสกรีนทรงกระบอก (Rotary Screen) แทนบล็อกแบบแบน ซึ่งบล็อกทรงกระบอกเหล่านี้จะหมุนพร้อมกันเพื่อถ่ายทอดลายพิมพ์ลงบนผ้าที่เคลื่อนที่ผ่านอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะต้องเป็นโรงงานที่มีสเกลขนาดใหญ่มาก เพราะขนาดของเครื่องจักรนั้นใช้พื้นที่เยอะมาก อีกทั้งยังต้องมีโซนบำบัดน้ำเสียด้วย
- หมึกที่ใช้: คล้ายกับการพิมพ์ซิลค์สกรีนทั่วไป แต่ถูกปรับสูตรให้เหมาะกับการพิมพ์ความเร็วสูงและต่อเนื่อง โดยนิยมใช้ หมึก Pigment (สำหรับผ้าคอตตอนและผ้าผสม) และหมึก Reactive (สำหรับผ้าใยธรรมชาติ) หรือหมึก Disperse (สำหรับผ้าโพลีเอสเตอร์) ซึ่งเลือกใช้ตามประเภทของผ้าเพื่อให้หมึกติดแน่นและทนทาน
- จุดเด่น:
- ความเร็วและปริมาณการผลิตสูงมาก: เหมาะสำหรับอุตสาหกรรมสิ่งทอขนาดใหญ่ที่ต้องการพิมพ์ผ้าต่อเนื่องเป็นม้วนยาวในปริมาณมหาศาล
- ต้นทุนต่อเมตรต่ำมาก: เมื่อเทียบกับเทคนิคอื่น ๆ ในการผลิตปริมาณมหาศาล
- เหมาะกับลายพิมพ์ซ้ำ (Repeat Pattern): สามารถพิมพ์ลายซ้ำได้อย่างต่อเนื่องบนผืนผ้าอย่างมีประสิทธิภาพ
- หลากหลายประเภทผ้า: สามารถพิมพ์ได้บนผ้าหลากหลายชนิด ขึ้นอยู่กับชนิดของหมึกและสารเคมีที่ใช้
- ข้อจำกัด:
- ต้นทุนเริ่มต้นสูงเพราะค่าบล็อกสกรีนโรตารี่มีราคาสูงมาก ทำให้เหมาะสำหรับงานจำนวนมากๆ
- ข้อจำกัดด้านความละเอียดของลาย: โดยทั่วไปความละเอียดของลายพิมพ์อาจไม่สูงเท่าการพิมพ์ดิจิทัลบางประเภท
- หมึกที่ใช้: คล้ายกับการพิมพ์ซิลค์สกรีนทั่วไป แต่ถูกปรับสูตรให้เหมาะกับการพิมพ์ความเร็วสูงและต่อเนื่อง โดยนิยมใช้ หมึก Pigment (สำหรับผ้าคอตตอนและผ้าผสม) และหมึก Reactive (สำหรับผ้าใยธรรมชาติ) หรือหมึก Disperse (สำหรับผ้าโพลีเอสเตอร์) ซึ่งเลือกใช้ตามประเภทของผ้าเพื่อให้หมึกติดแน่นและทนทาน
สรุป: เลือกเทคนิคที่ใช่ สร้างสรรค์ผลงานที่โดดเด่น
การเลือกเทคนิคการพิมพ์ผ้าที่เหมาะสมเป็นส่วนสำคัญที่จะทำให้โปรเจกต์ของคุณประสบความสำเร็จ เพราะแต่ละเทคนิคการพิมพ์นั้น จะมีจุดเด่นแตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นการเน้นรายละเอียดที่ซับซ้อน, ความทนทานต่อการใช้งาน, จำนวนขั้นต่ำในการผลิต, ความยืดหยุ่นในการผลิต แต่ละเทคนิคล้วนมีจุดเด่นและข้อจำกัดที่แตกต่างกัน
ที่โรงงานพิมพ์ผ้าของเรา เรามีความเชี่ยวชาญและพร้อมให้บริการการพิมพ์ผ้าด้วยเทคนิคงานพิมพ์ดิจิตอล รูปแบบต่างๆ ทั้ง DTG (Direct to Gament), Sublimation (ซับลิเมชั่น), DFT (Digital Film Transfer) และ Silk Screen (ซิลค์สกรีน) ด้วยประสบการณ์และเครื่องจักรที่ทันสมัย เราพร้อมให้คำปรึกษาและช่วยคุณเลือกเทคนิคที่ดีที่สุด เพื่อให้มั่นใจว่าผลงานของคุณจะออกมาสวยงาม มีคุณภาพ และตอบโจทย์ทุกความต้องการ
หากคุณมีโปรเจกต์พิมพ์ผ้าในใจ หรือต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการพิมพ์ผ้าแต่ละเทคนิค อย่าลังเลที่จะติดต่อเรา ทีมงานผู้เชี่ยวชาญของเรายินดีให้คำแนะนำและบริการอย่างเต็มที่!
สนใจติดต่อได้เลยที่ IMP Design
โทร. +66 (0) 87 798 2406 หรือ +66 (0) 83 432 2289
E-mail: sales@impdesign.co.th
Line ID: @impdesign